เป็นกันหรือเปล่า? ที่เวลาเข้าชมบางเว็บไซต์แล้วรู้สึกว่าเว็บมันโหลดนานจนรู้สึกรำคาญ บางครั้งก็งงว่าเป็นที่เน็ตเราช้าหรือเว็บช้าเอง บางครั้งก็ไม่ได้เป็นที่ความเร็วของเน็ตเราหรอกค่ะ การที่หน้าเว็บไซต์เกิดอาการโหลดช้านั้นนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าของเว็บไซต์ปล่อยให้เว็บหนักเกินไปจนโหลดช้า
ซึ่งวันนี้ เราจะไปค้นหาวิธีที่ทำเว็บให้โหลดเร็วไปพร้อมๆ กันด้วยเทคนิคการใช้ปลั๊กอิน WordPress ที่ชื่อ WP Fastest Cache ว่าถ้าจะลองใช้ปลั๊กอินตัวนี้ช่วยให้เว็บเพิ่มความเร็วขึ้น ต้องตั้งค่ายังไง
อ่านเพิ่มเติม: 12 เทคนิคเพิ่มความเร็ว WordPress ให้เว็บโหลดเร็ว
มาดูว่า WP Fastest Cache คืออะไรก่อน?
WP Fastest Cache เป็นปลั๊กอินบน WordPress มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน (Premium) โดย WP Fastest Cache จัดเป็นปลั๊กอินสำหรับการจัดการ Cache ที่มีความสามารถดีเยี่ยม เรียกว่าติดโผอันดับต้นๆ เสมอในการสำรวจจากโพลต่างๆ ในหมู่ผู้ใช้งานจริง เป็นรองเพียงปลั๊กอิน WP Rocket เล็กน้อยเท่านั้น
ข้อดีของ WP Fastest Cache คือ สามารถใช้งานแบบฟรีได้ ตั้งค่าง่ายดาย แม้จะเป็นมือใหม่ สามารถทำการย่อ JS และ CSS ได้ เชื่อมกับ CDN ได้ และเห็นผลจริง
วิธีติดตั้ง WP Fastest Cache
1. เลือกเมนู Plugins (ปลั๊กอิน)
2. เลือกเมนู Add New (เพิ่มปลั๊กอินใหม่)
3. ให้ค้นหาคำว่า WP Fastest Cache
4. สังเกตกล่องปลั๊กอินรูปเสือชีตาร์ ให้คลิก Install Now (ติดตั้งตอนนี้) รอสักครู่จนกว่าจะโหลดเสร็จ จะมีปุ่ม Activate (เปิดใช้งาน) ขึ้นมาก็ให้กดเพื่อเริ่มต้นใช้
5. ทีนี้พอเรามาดูทีเมนูด้านข้างตรง Dashboard ก็จะเห็นเมนูใหม่เพิ่มเข้ามาชื่อว่า Fullestop Lock Down ให้กดเข้าไป
วิธีตั้งค่า WP Fastest Cache
เริ่มต้นที่ Setting
Setting
มาดูกันว่าแต่ละอันหมายถึงอะไร ต้องเช็คถูกต้องไหนบ้าง
- Cache System – การเปิดใช้งานแคช ให้ติ๊กถูก
- Widget Cache System – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Preload – เป็นการสร้างแคชของเว็บโดยอัตโนมัติ แม้จะยังไม่ถูกเรียกดู (shared โฮสติ้งควรใช้ 4-6 หน้าต่อนาที ส่วน VPS โฮสติ้งควรใช้ 10-12 หน้าต่อนาที)
- Logged-in Users – ไม่ต้องแสดงแคชสำหรับคนที่ล็อกอิน (ถ้ามีแค่คนดูแลเว็บไซต์เป็นตัวคุณคนเดียว แค่หนึ่งล็อคอินให้ติ๊กถูก แต่ถ้ามีหลายล็อคอิน มีคนดูแลเว็บไซต์หลายคนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องติ๊กถูกก็ได้)
- Mobile – ไม่แสดงแคชของเว็บเวอร์ชัน desktop ไปยังเวอร์ชันมือถือ
- Mobile Theme – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- New Post – ลบแคชเมื่อสร้างเพจและโพสใหม่ เราสามารถเลือกได้ว่าอย่างจะล้างอะไรออกบ้าง
- Update Post – ลบแคชเมื่ออัปเดจเพจและโพสใหม่ เราสามารถเลือกได้ว่าอย่างจะล้างอะไรออกบ้าง
- Minify HTML – ย่อขนาดของไฟล์ HTML
- Minify HTML Plus – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Minify CSS – ย่อขนาดของไฟล์ CSS
- Minify CSS Plus – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Combine CSS – รวมไฟล์ CSS ช่วยลดจำนวนการส่งคำขอผ่าน HTTP
- Minify JS – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Combine JS – รวมไฟล์ JS
- Combine JS Plus – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Gzip – เปิดการใช้งาน Gzip compression เพื่อให้ไฟล์แคชมีขนาดเล็ก ลดขนาดการรับส่งไฟล์ของเว็บไปยัง Server
- Browser Caching – เปิดการใช้งานบราวเซอร์แคช ทำไปเพื่อให้เว็บโหลดเร็วขึ้นเมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บมีการเปิดหน้าเว็บไซต์อีกครั้ง
- Disable Emojis: ปิดการใช้งาน emoji
- Render Blocking JS – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Google Fonts – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
- Lazy Load – อันนี้เป็นฟีเจอร์สำหรับ premium
อย่าลืมกด Submit ก่อนออกจากหน้า Setting
Exclude
ส่วนต่อมาที่ผู้ใช้งานแบบฟรีสามารถใช้งานการตั้งค้าได้ คือการตั้งค่าส่วนของเว็บไซต์ที่เราไม่ต้องการแคช โดยใช้การกำหนดเงื่อนไขขั้นมา แต่ตรงนี้ควรตั้งค่าตามค่าเริ่มต้นที่ปลั๊กอินให้มาไปก่อนนะคะ เพราะถ้าจะทำส่วนนี้ต้องใช้ความรู้อยู่บ้าง
จบแล้วค่ะ กับการตั้งค่าปลั๊กอิน WP Fastest Cache เท่านี้เว็บของเราก็จะเร็วขึ้นได้ง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากเลย
ท้ายสุด สำหรับหลายคนที่กำลังเริ่มทำเว็บไซต์ หรือกำลังอยากย้ายโฮสติ้งพอดี อย่าลืมแวะไปดูแพ็กเกจเว็บโฮสติ้งจาก VPS Hispeed กันนะ แพ็คเกจของเรามีหลากหลาย รองรับลูกค้าหลายประเภท แม้จะเป็นมือใหม่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก สนใจติดต่อที่อีเมล [email protected] หรือทางเบอร์โทรศัพท์ 093 173 0181, 096 238 7242, 082 018 9138