เป็นคำถามยอดฮิตเลยว่าจะ W3 Total Cache ดีไหม? หรือบางคนยังสงสัยว่าเจ้า W3 Total Cache คืออะไร? วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ W3 Total Cache รวมทั้งวิธีตั้งค่าการใช้งานด้วย มาดูกันเลย
W3 Total Cache คืออะไร
W3 Total Cache คือปลั๊กอินที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ WordPress หรือพูดง่ายๆ ว่า W3 Total Cache จะเข้ามาช่วยให้คุณได้รับประโยชน์แบบเต็มๆ ทั้งในเรื่องความเร็วในการโหลดเนื้อหา การแคช หรือแม้แต่การจัดเก็บข้อมูล โดยวิธีการติดตั้ง ก็ไม่ได้ยากอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ซึ่งเราก็ได้ไปหาวิธีติดตั้ง W3 Total Cache แบบเข้าใจง่ายๆ มาให้คุณได้ ลองทำกัน!
การติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก แถมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ขั้นตอนที่ 1 : ติดตั้ง W3 Total Cache
สามารถติดตั้งปลั๊กอินได้ฟรี คุณสามารถรับได้จากแดชบอร์ดผ่าน ปลั๊กอิน -> เพิ่มใหม่ และค้นหา W3 Total Cache ติดตั้งและเปิดใช้งาน
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบความเข้ากันได้
เมื่อคุณอยู่บนแท็บประสิทธิภาพให้เลือกแผงควบคุมหรือ Dashboard คุณสามารถคลิกที่ปุ่มตรวจสอบความเข้ากันได้เพื่อทำการทดสอบกับการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ที่คุณกำลังทำงานอยู่ จากผลลัพธ์ที่ได้คุณจะรู้ว่าสามารถเปิดใช้งานตัวเลือกใดได้บ้างและเซิร์ฟเวอร์ใดที่คุณกำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบันนั้นต้องการอะไรเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 3: กำหนดการตั้งค่าทั่วไป
ก่อนอื่นคุณจะต้องกำหนดการตั้งค่าทั่วไป General Settings แท็บนี้ช่วยให้คุณเปิดใช้งานคุณสมบัติต่างๆ ของ W3 Total Cache
3.1 แคชหน้า
คุณต้องเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ นี่คือสิ่งที่คุณอยู่ที่นี่เพื่อ เราต้องการ Page Cache เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
3.2 ทำการแคชฐานข้อมูล
การเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานแคชฐานข้อมูลขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมด ฐานข้อมูลคือสิ่งที่ทุกอย่างในเว็บไซต์ของคุณเก็บไว้
3.3 แคชวัตถุ Object Cache
3.4 แคชของเบราว์เซอร์
3.5 การตั้งค่า CDN
3.6 Reverse Proxy
ปล่อยให้ Reverse Proxy ถูกปิดใช้งานเนื่องจากต้องใช้พื้นที่ส่วนตัว
3.7 การตรวจสอบ Monitoring
คุณสามารถละเว้นตัวเลือกนี้เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องกำหนดค่า
3.8 แก้ไขข้อบกพร่องด้วยการ Debug
ขั้นตอนที่ 4 : การกำหนดค่าหน้าแคชอย่างละเอียด
หากไม่ได้ต้องการที่จะใส่ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย ให้ทุกอย่างเป็นค่าเริ่มต้น
ขั้นตอนที่ 5: การกำหนดค่า Minify โดยละเอียด
ในขั้นตอนนี้ทุกอย่างจะถูกตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ แต่ทางที่ดีไม่ควรจะไปปรับแต่งใดๆ เพิ่มเติม ให้มันเป็นค่าเริ่มต้นจะดีที่สุด
Minify คืออะไร ?
คือการจัดการกับสคริปต์ต่างๆ เช่น Html, Css, JavaScript เช่นการย่อหรือปรับปรุงแท็กต่างๆ เพื่อให้ไฟล์มีที่ขนาดเล็กลง จริงๆ จะข้ามส่วนนี้ไปเลยก็ได้ เพราะบางครั้งก็ทำให้ธีมแสดงผลผิดพลาดได้เช่นเดียวกัน ค่อนข้าง sensitive ซึ่งหากคุณไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ทางด้านนี้โดนตรง ก็อย่างไปตั้งค่าหรือปรับเปลี่ยนในส่วนนี้จะดีกว่า
5 ขั้นตอนที่เราได้นำมาฝากกันนั้น คงจะไม่ยุ่งยากจนเกินไป และมีหลายๆ เสียงการันตีมาแล้วว่า หลังจากติดตั้ง W3 Total Cache ไปการทำงานของ WordPress ก็มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คุณคงไม่ต้องลังเลแล้วว่าควรจะติดตั้ง W3 Total Cache ดีไหม เพราะคำตอบคงจะได้เหมือนกันว่า สมควรติดตั้งมากที่สุด!